จากกรณีตำรวจ PCT และตำรวจสืบสวนนครบาล ได้รับการร้องเรียน กรณี “สุนทรฟู่” อดีตครูสอนภาษาไทยโรงเรียนชื่อดังในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และได้รับรางวัล “ครูภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติ” ประจำปี 2560 ก่อเหตุหลอกให้เช่าบ้านพัก เพื่อทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนในต่างจังหวัด หรือหลอกให้เช่าห้องพักในงานรับปริญญา และหลอกลวงคณะครู ที่ต้องการพาเด็กไปร่วมกิจกรรมนี้ที่ จ.น่าน
โดยอ้างว่าตนมีที่พักให้เช่า เพื่อให้เหล่านักเรียนมาร่วมกิจกรรม โดยครูฟู่อาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่น สร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 100 ราย มีหมายจับ 4 หมายจับ
พล.ต.ต.ธีรเดช หน.PCT ชุดที่ 5 สืบสวนติดตามจับกุมตัว “ครูฟู่” ส่งชุดสืบสวนแฝงตัวเข้าสู่วงการนวดของ LGBTQ+ เป็นเวลากว่า 1 เดือน จนได้เบาะแสว่าปัจจุบันครูฟู่กินอยู่กับแฟนหนุ่ม ละแวกพื้นที่ ซ.วัชรพล เขตรามอินทรา จ.กรุงเทพมหานคร จึงลงพื้นที่ติดตาม จนกระทั่งพบว่า ครูฟู่เดินออกจากห้องพักเพียงวันละ 1 ครั้ง หรือบางวันไม่ออกมาเจอโลกภายนอกเลย กันกระเทก บับเบิ้ล
ต่อมาวันที่ 13 ก.ค. 66 พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 และ สืบนครบาล นำกำลังเข้าจับกุมตัวครูฟู่ได้ โดยจับกุมได้ขณะที่กำลังจะย้ายถิ่นที่พักกับแฟนหนุ่ม LGBTQ+ สัญชาติลาว โดยจับกุมได้ที่ห้องพักดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และเปิดเผยถึงความพลิกผันของชีวิตตนเอง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ โดยให้การว่า
ตนจบชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 หลังจากเรียนจบก็ไปเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนชื่อดัง กระทั่งปี 2555 สอบบรรจุครูได้ด้วยความสามารถ จึงได้เป็นตำแหน่งหน้าห้องของ ผอ.โรงเรียน
กระทั่งมีเรื่องของวงโยธวาธิตที่ขอยืมเงินนักธุรกิจคนหนึ่ง ทำให้มีเรื่องราว ทำให้ตนขอย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนอื่น ถือเป็นยุครุ่งเรืองที่สุด เพราะได้รับโอกาสเข้าไปช่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยอีกหน้าที่หนึ่ง และมีโอกาสแต่งบทอาเศียรวาท จนกระทั่งได้รับรางวัลครูดีเด่นประจำปี และได้สมยานามว่า “สุนทรฟู่” กระทั่งในปี 2563 โรงเรียนเปลี่ยน ผอ.โรงเรียนและตนไม่ลงรอยกับผู้บังคับบัญชาคนใหม่ โดยทำงานหนักหลายหน้าที่จนป่วย
ผู้ต้องหาให้การว่า จนกระทั่งเมื่อตนมาทำงานไม่ไหว ทำให้ตนตัดสินใจไม่ไปโรงเรียนอีก จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน ช่วงนั้นชีวิตเริ่มเป๋แล้ว โดยรับว่าช่วงนั้นติดแฟนหนุ่ม ซึ่งเจอกันจากที่จ้างมานวด LGBTQ+ แล้วชอบพอกัน และช่วงนั้นก็ติดการพนัน ปั่นสล็อต ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และครั้งแรกยังมีเงินเก็บที่ยังเหลือ ก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ พอผ่านไปสักพักหนึ่งเงินเริ่มหมด
ก็เริ่มโทรไปขอยืมเงินจากนักเรียนและครูที่เคยรู้จัก โดยเหล่านักเรียนนั้นกตัญญูรักครูมาก ให้มาทีละ 1,000 – 2,000 บาท บางคนให้ถึง 4,000 บาท ก็มี ยอมรับว่ายืมเด็กๆ แล้วไม่ได้คืน ส่วนเพื่อนครูนั้นตอนตนไปขอยืมเงินถูกเมิน และทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน ทำให้เสียใจมากๆ หลังจากนั้นก็เริ่มเดินสายหลอกลวง
ตนเล่นเฟซบุ๊กแล้วเห็นมีการหาที่พัก ตนจึงได้ไอเดียหลอกลวง ด้วยการหลอกเอาเงินมัดจำที่พักจากเหยื่อ โดยลงมือทำเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ตนทำไปเยอะมาก ความเสียหายที่หลอกลวงมาแล้วกว่า 100 ราย เสียหายกว่า 1 แสนบาท สาเหตุเนื่องจากติดการพนันและนำเงินไปเปย์ให้กับแฟนหนุ่มที่เป็น LGBTQ+ โดยยอมรับว่าทำไปเพราะหิว ต้องการที่อยู่ รู้ว่าผิด สงสารเหยื่อด้วย ขอโทษทุกคน ขอโอกาสให้สังคมให้อภัย
หลังถูกจับกุม ครูฟู่ยังแต่งกลอนสดๆ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล เพื่อเตือนภัยให้กับสังคมว่า
“ก่อนจะทำสิ่งใดขอให้คิด อย่าพลาดผิดจนชีวิตคิดถลำ
ทำสิ่งใดประกอบด้วยเวรกรรม และเน้นย้ำทำกรรมดีอย่างที่เป็น
หากพลาดผิดไปแล้วไม่แคล้วโทษ จากเป็นโจทก์ตกจำเลยคนเหยียบย่ำ
ขอโอกาสที่มีได้แก้กรรม จะกระทำแต่สิ่งดีเพื่อสังคม”