ลูกสาวท้องไม่มีพ่อตั้งแต่ ม.1 แม่ไม่เคยถามกลัวซ้ำเติมลูก ก่อนรู้ความจริงสุดช็อก ที่แท้พ่อเลี้ยงข่มขืนลูกนาน 15 ปี

มูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ได้รับการร้องทุกข์เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 66 นายหนึ่ง (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี พี่ชายต่างมารดากับผู้เสียหาย แจ้งกับมูลนิธิปวีณาฯ ว่า น.ส.สอง (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี น้องสาว ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนปัจจุบันอายุ 24 ปี มีลูกกับพ่อเลี้ยงผู้ก่อเหตุ 3 คน อายุ 5 ขวบ 7 ขวบ และ 10 ขวบ ซึ่งที่ผ่านมาน้องสาวไม่กล้าบอกใคร เพราะพ่อเลี้ยงข่มขู่ว่าจะฆ่าให้ตาย แม้แต่แม่แท้ๆ ที่อยู่ด้วยกันก็ไม่รู้เรื่อง

นายหนึ่ง เล่าต่อว่า กระทั่งต้นเดือน เม.ย.66 พ่อเลี้ยงเอาเรื่องทั้งหมดไปบอกแม่ว่าได้กระทำกับน้องสาวตั้งแต่เด็กและเด็กน้อยทั้ง 3 คนก็เป็นลูกของตัวเอง สาเหตุเพราะว่าพ่อเลี้ยงหึงหวง กลัวว่าน้องสาวจะไปมีคนอื่น เมื่อแม่รู้เรื่องก็ทำใจรับไม่ได้หนีออกจากบ้านไปทันที น้องสาวจึงได้ตามหาตนจนเจอในเฟซบุ๊ก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเจอกับน้องสาวเลย ตนเคยเห็นน้องสาวครั้งเดียวตอนอายุ 5-6 เดือนเท่านั้น น้องสาวเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังพร้อมกับบอกว่าไม่ต้องการจะอยู่กับพ่อเลี้ยงอีกต่อไป ตนจึงได้นัดให้น้องสาวพาลูกๆ ทั้ง 3 คน ออกมาจากบ้านนั้นช่วงที่พ่อเลี้ยงไปทำงาน และรับมาอยู่ด้วยกัน ก่อนจะติดต่อมาที่มูลนิธิปวีณาฯ ดังกล่าว

ขณะที่ น.ส.สอง ผู้เสียหาย เล่าว่า ตั้งแต่ตนยังเล็ก อยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง มีอาชีพร้อยพวงมาลัยขายตามที่ต่างๆ โดยอาศัยอยู่ห้องเช่าย่านสายไหม กรุงเทพฯ ตอนที่ตนยังเด็กก็ต้องช่วยแม่เดินขายตามร้านอาหาร พออายุ 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.2 ขณะที่แม่ออกไปขายพวงมาลัย พ่อเลี้ยงได้ข่มขืนและห้ามบอกใคร ขู่ว่าจะฆ่าให้ตาย ตนกลัวมากแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

จากนั้นตนก็ถูกพ่อเลี้ยงกระทำเรื่อยมาจนอายุ 13 ปี เกิดตั้งท้องขณะเรียนอยู่ชั้น ม.1 ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน และพ่อเลี้ยงไม่ให้เรียนหนังสืออีกเลย พ่อเลี้ยงบังคับว่าไม่ให้บอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกใคร จนตนต้องอ้างกับแม่ว่าถูกเพื่อนชายที่โรงเรียนข่มขืนแล้วคนทำก็หนีหายไปแล้ว แม่ก็ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร พออายุ 17 ปี ก็ท้องลูกคนที่ 2 อีก อายุ 19 ปี ท้องลูกคนที่ 3 ซึ่งคนเล็กตอนนี้อายุ 5 ขวบแล้ว แม่ไม่เคยถามว่าตนท้องกับใคร เพราะเข้าใจว่าตนผิดพลาดไปมีแฟนจนท้องแล้วไม่อยากซ้ำเติม ได้แต่บอกให้ก้มหน้าเลี้ยงลูกไป ต่อมาช่วงปี 62 ที่โควิดระบาด พ่อเลี้ยงกับแม่ได้พาตนกับลูกชาย 3 คน ไปอยู่ที่ จ.กำแพงเพชร บ้านเกิดของพ่อเลี้ยง จนตนทนอยู่ไม่ไหวแล้ว

“ที่ผ่านมาหนูเคยคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง อยากจะไปกระโดดตึก หรือหนีไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ แต่หนูไม่รู้จักใครที่ไหน บอกใครก็ไม่ได้ กลัวว่าแม่รู้จะเสียใจ แต่พ่อเลี้ยงก็เป็นคนไปบอกแม่เสียเองจนแม่เสียใจหนีออกจากบ้านไป หนูจำได้ว่าแม่เคยบอกว่าหนูมีพี่ชายต่างแม่ จึงได้พยายามตามหาพี่ชายจากเฟซบุ๊กจนเจอ และขอความช่วยเหลือให้พามาร้องทุกข์มรามูลนิธิปวีณาฯ เพราะหนูต้องการจะเอาเรื่องพ่อเลี้ยงให้ถึงที่สุด” ลวดมัดปากถุงขนม ลวดมัดปากถุง

หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ สมชัยมงคล ผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร และ น.ส.วิมลรัตน์ รัชชุกูล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกำแพงเพชร จากนั้นให้นายหนึ่ง พี่ชาย พา น.ส.สอง น้องสาว และลูกชายทั้ง 3 คน เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร

หลังสอบปากคำผู้เสียหายเบื้องต้น ทราบว่าขณะที่ น.ส.สอง ถูกพ่อเลี้ยงกระทำ เหตุเกิดในพื้นที่ สน.สายไหม กรุงเทพฯ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร จึงได้รับเรื่องเบื้องต้น ก่อนประสาน สน.สายไหม รับเรื่องดำเนินการต่อ

Advertisement

จากนั้น นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม พร้อมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พานายหนึ่งกับ น.ส.สอง พี่ชาย น้องสาว และลูกชายทั้ง 3 คน เข้าแจ้งความในวันที่ 26 ก.ย. 66 พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำ น.ส.สอง อย่างละเอียด พร้อมกับตรวจดีเอ็นเอ ด.ช.ทั้ง 3 คน เก็บไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาวันที่ 27 ก.ย. 66 พนักงานสอบสวนได้พา น.ส.สอง ไปชี้ที่เกิดเหตุบ้านเช่าที่เคยอยู่ 2 แห่ง ย่านสายไหม และพื้นที่ กม.24 กรุงเทพฯ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดมีนบุรี ออกหมายจับพ่อเลี้ยง เลขที่ จ.975/2566 ข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปีที่อยู่ในปกครอง ลงวันที่ 29 ก.ย. 66

ล่าสุด พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม ได้ประสานส่งหมายจับให้กับ พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ สมชัยมงคล ผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร นำกำลังเข้าจับกุมตัวพ่อเลี้ยงรายนี้แล้ว ก่อนจะควบคุมตัวมาลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร และส่งตัวมาดำเนินคดีที่ สน.สายไหม ทันที

ทั้งนี้ นางปวีณา ได้กล่าวขอบคุณ พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม ที่ทำงานอย่างรวดเร็ว และขอบคุณ พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ สมชัยมงคล ผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร ที่จับกุมพ่อเลี้ยงมาดำเนินคดีทันที ในส่วนของสภาพจิตใจ น.ส.สอง ระหว่างที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ ตอนนี้ดีขึ้นมาก หลังเจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดแล้ว น.ส.สอง กับลูกชาย 3 คน จะไปอาศัยอยู่กับพี่ชายที่ต่างจังหวัด ทั้งนี้มูลนิธิปวีณาฯ จะได้ประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ให้การช่วยเหลือต่อไป