จากกรณีสามีโหด ทะเลาะกับภรรยาบนรถ ก่อนที่ภรรยาจะวิ่งลงมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีในสภาพเปลือยเปล่า จากนั้นผู้ก่อเหตุวิ่งตามลงมาใช้น้ำมันราด ก่อนจุดไฟเผาร่างภรรยา จนต้องวิ่งหนีลงคูน้ำเพื่อดับไฟ สุดท้ายผู้ก่อเหตุ ตามลงไปใช้มีดแทงซ้ำ 6 แผล จนเสียชีวิต หลังเกิดเหตุ สามี อายุ 42 ปี ผู้ก่อเหตุ ขับรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรตัน หลบหนีไปพร้อมอาวุธมีด เหตุเกิดหน้าโรงงานถุงแถบกาว ถุงแพ็คเสื้อ ภายในซอย 9A นิคมอุตสาหกรรมบางปู อ.เมืองสมุทรปราการ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 7 มีนาคม 2566 แต่ล่าสุด ตำรวจสามารถควบคุมตัว “นายต้น” ผู้ก่อเหตุได้แล้ว และนำตัวมาสอบปากคำที่ สภ.บางปู
รายการโหนกระแส โดย หนุ่ม กรรชัย ได้เชิญพลเมืองดีในเหตุการณ์ พร้อมญาติผู้เสียชีวิตมาร่วมพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเชิญนักจิตวิทยา อาชญาวิทยา มาร่วมวิเคราะห์พฤติกรรมของคนร้าย
โดยส่วนที่น่าสนใจบางช่วงของรายการ คือคำบอกเล่าของ พี่หนู แม่ค้าขายของ ที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงของ ต้น ผู้ก่อเหตุ และ หมอน ภรรยาที่เสียชีวิต โดยพี่หนูเล่าว่า นายต้น สามีของคุณหมอนเป็นคนขี้ระแวง ขี้หึงหวง ซึ่งคุณหมอนจะชอบวิ่งหนีมาหลบที่บ้านตนเป็นประจำ เขาชอบบอกว่า ต้นจะฆ่า
เท่าที่ทราบ เรื่องหลักๆ ที่เขาทะเลาะกัน เป็นเรื่องเงินที่ใช้จ่ายในครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องรถ ที่เป็นชื่อของคุณหมอน แต่เป็นรถที่นายต้นใช้ ต้นเขาไม่ได้ทำงาน ไม่มีเงินจ่ายค่างวดรถ ทำให้หมอนเองก็เดือดร้อน ก่อนหน้านี้หมอนมีเงินก็ได้ช่วยผ่อนค่างวดบ้าง แต่หมอนเองก็มีภาระค่าใช้จ่ายของตัวเองเหมือนกัน พี่หนูยืนยันว่าไม่เคยเห็นกับตา ว่าสองคนนี้ทะเลาะลงไม้ลงมือกัน มีแต่ที่หมอนมาเล่าว่า ต้นจะฆ่า ยืนยันว่าจะฆ่าจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น
ขณะที่ คุณเล็ก เพื่อนสนิทของคุณหมอน เล่าว่า ต้นฝังใจเรื่องแฟนเก่า เคยถูกแฟนเก่านอกใจไปมีคนอื่น พอเลิกกันแล้วมาคบกับคุณหมอน ทำให้ติดนิสัยหึงหวง หวาดระแวง ทั้งที่คุณหมอนไม่เคยมีเรื่องนอกใจอะไร ก่อนเกิดเหตุ คุณหมอน มีปัญหากับคุณต้น จึงออกจากห้องพักที่อยู่ร่วมกับนายต้น ไปอยู่กับเพื่อนร่วมงาน นายต้นไปตามหาจนเจอ แล้วไปดักรออยู่เรื่อยๆ โทรมาตามด่าคุณหมอนตลอด
ในวันเกิดเหตุ นายต้นบอกว่าจะเอาคีย์การ์ดกับกุญแจมาคืนคุณหมอน บอกว่าเขาจะไปแล้ว คุณหมอนเองก็จะเข้าไปที่ห้องพักของตัวเอง เพื่อเก็บของออกมาเตรียมจะย้ายห้อง ตนยังเตือนคุณหมอนว่าอย่าเข้าไปที่ห้องเลย มันอันตราย ต้นหลอกไปหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้เขาขู่ไว้แล้วว่าจะฆ่า ในความคิดตนจึงคิดว่าเขาน่าจะตามไปดักรอ สุดท้ายมาก่อเหตุอย่างนี้จนได้
คุณเล็กบอกอีกว่า ตนไม่เคยไว้ใจนายต้นเลย เพราะเขาดูรักคุณหมอนมากเกิน จนเหมือนคนคลั่ง หึงหวงจนคุณหมอนกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ แล้วที่มีบางข่าวลือที่บอกว่า คุณหมอนหนีเพราะเป็นหนี้ มันไม่จริง ความจริงคือคุณหมอนต้องตามใช้หนี้ให้ผู้ชายตลอดจนเขาไม่ไหวแล้ว รถที่ต้นอยากได้ ทั้งที่เป็นชื่อคุณหมอน คุณหมอนก็ยอมยกให้
ด้าน อ.ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา พฤติกรรม จิตเวชศาสตร์ และการบริหารงานยุติธรรม ม.มหิดล ชี้ว่า พฤติการณ์ของคนร้าย มีการเตรียมตัวมาก่อนชัดเจน มีการเตรียมทั้งน้ำมัน ไฟแช็ก มีด ทุกอย่างเตรียมมาหวังให้เหยื่อตายแน่นอน ที่ผู้ก่อเหตุถอดเสื้อ อาจจะเป็นเพราะเสื้อของตัวเองเปียกน้ำมัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ผู้ก่อเหตุจะสังหารตัวเองตามไป โดยผู้ก่อเหตุลักษณะนี้ 1 ใน 4 จะจบชีวิตตัวเองตามเหยื่อ ซึ่งในเคสนี้ เท่าที่ทราบตอนที่ตำรวจไปจับกุม นายต้นกำลังจะกระโดดสะพาน
เท่าที่ประเมินจากพฤติกรรมของนายต้น ทราบว่าก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุเอามีดจี้ตัวเอง ตอนเลิกรากับแฟนเก่า ตอนนั้นเขาอายุ33 ปี สมองส่วนเหตุผลพัฒนาเต็มที่ พัฒนาการทางสมองเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว รวมกับพฤติการณ์ที่มาก่อเหตุครั้งนี้ เชื่อได้ว่าไม่ได้เป็นเรื่องของสุขภาพจิต หรือป่วยจิตเวช แต่เกิดจากสันดาน หรือพฤติกรรมที่ติดตัวจนเป็นนิสัย
ขณะที่ภาพตอนที่ตำรวจจับกุมตัวนายต้นแล้วคุมตัวมาสอบสวน นายต้นร้องไห้ตอบสื่อมวลชน บอกว่าสำนึกผิดแล้ว รักเมียมาก ทรัพย์สินทุกอย่างเป็นชื่อเมียหมดเลย ที่ไปปีนสะพานเพราะจะกระโดดน้ำจบชีวิตตัวเอง แต่ตำรวจมาจับได้ก่อน
เรื่องนี้ อ.ดร.ตฤณห์ มองว่าเขาไม่ได้มามอบตัวเอง ดังนั้นคำว่าสำนึกผิดที่เขาพูดมาอาจจะต้องทบทวนดีๆ แม้จะร้องไห้คร่ำครวญ ก็บอกไม่ได้ว่าเป็นน้ำตาจากความเศร้า ความสำนึกผิดจริงหรือไม่ น้ำตาจากความยินดี กับน้ำตาจากความเศร้า ถ้าเอาไปตรวจหาสารเคมี ก็จะเจอสารคนละชนิดกัน
ขณะที่คุณแต้ว หลานสาวของผู้ตายยืนยันว่า เรื่องนี้ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายถึงที่สุด ขอให้ประหารชีวิต ให้ตายตกตามกันไป