เรื่องราวโลกกลมอย่างเหลือเชื่อ ผู้หญิงจากมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน เข้าไปในเมืองเพื่อทำงานเป็นสาวใช้และตามหาลูกที่หายไป จู่ๆ ความจริงกลับมากองอยู่ตรงหน้าแบบไม่คาดฝันในบ้านที่เธอทำงานอยู่ เมื่อพบว่าลูกชายที่ตามหามา 25 ปี กลายเป็นลูกเศรษฐี

ตามรายงานพบว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวสูญเสียลูกชายไปนานถึง 25 ปี ขณะซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต เธอรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งในความประมาทเลินเล่อของตัวเอง หลังจากนั้นเธอออกตามหาลูกชายไปทั่ว กระทั่งต้องไปเมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ทำงานเป็นสาวใช้เพื่อหารายได้มาตามหาลูกชายต่อ และในที่สุดโชคชะตาก็เข้าข้างผู้หญิงคนนี้ เมื่อเธอพบว่าลูกชายของเจ้าของบ้านคือลูกที่หายไปของเธอ

จากการแนะนำของบริษัทนายหน้า ด้วยความที่เธอเป็นคนคล่องแคล่วว่องไวและขยันขันแข็ง เธอจึงได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่แม่บ้าน ดูแลชีวิตประจำวันของครอบครัวเศรษฐีเจ้าของโรงงานถุงกระดาษคราฟ ถุงกระดาษหูหิ้วรายหนึ่ง เธอทำหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดีจึงเป็นที่รักของครอบครัวนี้ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายสูงสุดของเธอยังคงเป็นการตามหาลูกชายให้เจอ ตอนกลางวันเธอทำงานบ้านให้เจ้าของบ้าน ตกกลางคืนจะไปแจกใบปลิวตามหาลูกชาย ทุกคืนเธอต้องเสียน้ำตากับการร้องไห้เพราะคิดถึงลูกชาย ไม่รู้ว่าลูกไปอยู่ที่ไหน สบายดีไหม จำพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดได้หรือไม่

ตลอด 25 ปีแห่งการตามหาลูกชายอย่างเหนื่อยล้า เธอตั้งตาตั้งตารอวันที่จะได้กลับมาพบกันเสมอ อย่างไรก็ดี หลายครั้งก็สิ้นหวังเพราะไม่มีข้อมูลอะไรเลย แต่ในที่สุดฟ้าก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อเธอพึ่งค้นพบความลับที่อยู่ใกล้ตัว วันนั้นลูกชายคนเจ้าของบ้านเอวเคล็ด และเนื่องจากพ่อแม่ของเขาอยู่บ้าน เขาจึงต้องขอให้เธอฉีดยาให้ เตอนนั้นทำให้เธอบังเอิญเห็นปานแดงที่เอวของเขา และน้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เพราะลูกชายที่หายไปของเธอก็มีไฝที่เอวเหมือนกัน

เธอรู้สึกสับสนมากและอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาอาจเป็นลูกชายที่หายไป ความคิดนั้นตามหลอกหลอนเธอทั้งวัน วันต่อมาเมื่อเธอไปซื้อของกระเจ้าของบ้าน จึงแกล้งถามว่าเรื่องปานที่เห็น แต่อีกฝ่ายกลับมีปฏิกิริยาที่แปลกไป และรีบอ้างว่าเป็นแค่ผื่น ท่าทีนั้นทำให้เธอยิ่งสงสัย วันต่อมาขณะที่เจ้าของบ้านไม่อยู่บ้าน เธอจึงแอบค้นหาภาพถ่ายในวัยเด็กของลูกชายเจ้าของบ้าน และพบว่าเขาเหมือนกับลูกชายที่หายไปของเธอราวกับคนเดียวกัน

ในตอนที่เธอเกือบจะแน่ใจว่าเจอลูกชายแล้ว กลับได้รับโทรศัพท์ว่าสามีของเธอในฝูเจี้ยนประสบอุบัติเหตุ เธอจึงต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อกลับบ้านเกิดไปดูแลสามี ในขณะที่ไม่กี่วันต่อจากนั้น เจ้าของบ้านบังเอิญเห็นใบปลิวตามหาลูกชายของเธอสาวใช้ เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงคำถามเกี่ยวกับปาน ก็คาดเดาว่าลูกชายของเธออาจเป็นบุตรชายแท้ๆ ของสาวใช้ เธอทั้งตกใจและกังวลไม่อยากสูญเสียลูกชายคนเดียวที่เลี้ยงดูมานาน จึงรีบเล่าเรื่องนี้ให้สามีฟัง

หลังจากนั้นไม่นาน สาวใช้ได้กลับไปทำงานที่เมืองกว่างโจว ในเวลานี้เธอไม่ได้ซ่อนความรู้สึกไว้อีกต่อไป ตัดสินใจพูดคุยกับครอบครัวเจ้าของบ้านโดยตรง ว่าเธอต้องการได้ลูกชายของเธอกลับมา สองสามีภรรยาเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด ขอร้องเธออย่าพาลูกชายกลับไป เพราะลูกชายคนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา ในฐานะแม่แม้ว่าเธอเข้าใจความเจ็บปวดของการสูญเสียลูก อีกทั้งยังคนขี้สงสาร แต่ก็รู้สึกใจสลายเช่นกัน และยิ่งรู้สึกขอบคุณครอบครัวที่เลี้ยงดูลูกชายของเธอมา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ลูกชายแท้ๆ ของเธอกับพวกเขา

ในขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังสับสน จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่าลูกชายของพวกเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเพิ่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทุกคนจึงรีบพากันไปที่โรงพยาบาล และเป็นโชคดีที่ลูกชายไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ในที่สุดแม่บ้านต้องกลับไปฝูเจี้ยนเพื่อเยี่ยมสามี จึงตัดสินใจฝากจดหมายถึงลูกชายแท้ๆ ของเธอ ซึ่งมีใจความว่า

“ลูกเอ๋ย ลูกรู้ไหมว่าแม่คิดถึงลูกมาก เมื่อแม่เห็นปานบนที่เอวของลูก แม่ก็รู้ทันทีว่าเป็นลูกแท้ๆ เห็นลูกได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากพ่อแม่บุญธรรม แม่ที่เป็นแม่แท้ๆ แต่ไม่สามารถทำอะไรให้ลูกได้ แม่เสียใจมากเลยกลับมาหาครอบครัว แต่แม่เชื่อว่าลูกจะมีชีวิตอยู่สุขสบายดีกับพ่อแม่บุญธรรม ตอนนี้พ่อของลูกอยู่โรงพยาบาล แม่ต้องดูแลเขา ถ้าลูกฟื้นแล้วกลับมาเยี่ยมเราบ้างได้ไหม เรียกแม่ว่าแม่ได้ไหม”

หลังจากที่ลูกชายได้อ่านจดหมายฉบับนี้ และได้ฟังพ่อแม่บุญธรรมอธิบายเรื่องราวทั้งหมด เขาก็รู้สึกเหมือนกลายเป็นเด็กหลงทาง เพิ่งรู้ว่าถูกรับเลี้ยงตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ไม่มีความทรงจำใดๆ ในตอนนั้นเลย ดังนั้นเมื่อเขาร่างกายเขาฟื้นตัวเต็มที่ จึงตัดสินใจออกตามหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเพื่อพบกับพวกเขาอีกครั้ง โดยพบว่าพวกเขายังคงอาศัยอยู่ที่กวางโจว และคิดได้ว่านับจากนี้ไปเขาจะมีสองครอบครัว เป็นลูกชายของทั้งสองครอบครัว